โรคสมองเสื่อม | |||||
โรคสมองเสื่อม มีสองประเภท ประเภทแรก เกิดจากความเสื่อมตามอายุ โดยทั่วไปคนที่อายุน้อยกว่า 65 ปีพบเพียง 1 ใน 1,000 คน อายุ 65-70 ปี พบประมาณ 1 ใน 70 คน อายุ 70-80 ปีพบ 1 ใน 25 คน ถ้าคนที่อายุเกิน 80 ปีขึ้นไปพบ 1 ใน 5 คนทั่วโลกเลย อีกประเภทหนึ่ง เป็นภาวะสมองเสื่อมจากโรค เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง การสูญเสียความจำ จากการดื่มสุรา ภาวะซึมเศร้า การเจ็บป่วย ผลข้างเคียงจากการใช้ยาหรือเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายมากก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งของทอด มีผลทำให้คนป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมเพิ่มมากขึ้น เพราะพบว่ามันมีความสัมพันธ์กันระหว่างการกินอาหารที่เป็นของทอด ซึ่งมีอนุมูลอิสระอยู่แล้วก็สะสมอยู่ในร่างกายมากๆ เข้าก็ทำให้เกิดสมองเสื่อมได้ แต่สาเหตุหลักมาจากการเป็นโรคอัลไซเมอร์ประมาณ 70% องค์การอนามัยโลกประเมินว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์หรือโรคความจำเสื่อม ประมาณ 18 ล้านคนทั่วโลก และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายในปี ค.ศ.2025 ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา ในขณะที่ในอเมริกานั้นประเมินว่า 1 ใน 8 ของคนอเมริกามีโอกาสป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ในอนาคต สาเหตุที่แท้จริงของอัลไซเมอร์ ยังไม่มีการระบุอย่างชัดเจน เพียงแต่พบว่าผู้ป่วยที่เป็นอัลไซเมอร์จะมีความผิดปกติของเส้นประสาทในสมอง ทำให้ขัดขวางการทำงานของระบบประสาท รบกวนการส่งสัญญาณต่างๆ ซึ่งส่งผลให้อารมณ์และสมรรถภาพของร่างกายเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยที่สุดโดยจะมีการเสื่อมของเซลล์สมองทุกส่วน ผู้ป่วยจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ไม่สามารถแยกถูกผิด มีปัญหาในเรื่องการใช้ภาษา การประสานงานของกล้ามเนื้อเสียไป ความจำเสื่อม ในระยะท้ายของโรคจะสูญเสียความจำทั้งหมด สำหรับสาเหตุของการเกิดโรคนั้น เกิดจากความผิดปกติในเนื้อสมองจะพบลักษณะที่สำคัญสองอย่างคือกลุ่มใยประสาทที่พันกัน และมีสาร Beta Amyloid ในสมอง ใยสมองที่พันกันทำให้สารอาหารไม่สามารถไปเลี้ยงสมอง การที่สมองมีคราบ Beta Amyloid หุ้มทำให้ระดับสารสื่อประสาทในสมองลดลง และสาร amyloid เมื่อสลายจะให้สารอนุมูลอิสระออกมาทำลายเซลล์สมองอีกด้วย อาการเด่นของโรคอัลไซเมอร์ ก็คือ ความจำเสื่อมหรือหลงลืม เรื่องที่ลืมก็จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นใหม่ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ลืมปิดเตารีด ลืมกินยา หรือใครมาพบวันนี้ ลืมชื่อคน ลืมของ หาของใช้ส่วนตัวไม่พบ ชอบพูดซ้ำ ถามคำถามซ้ำ เพราะจำคำตอบไม่ได้ มีปัญหาเรื่องการพูดและการใช้ภาษา คือจะคิดคำศัพท์บางคำไม่ออก ใช้คำใกล้เคียงแทน สติปัญญาความเฉลียวฉลาดลดลง ทักษะต่างๆ จะเริ่มสูญเสียไป อารมณ์หงุดหงิด และท้อแท้ การดำเนินโรคจะค่อยเป็นค่อยไป และทรุดลงในช่วงระยะ 1-3 ปี มีปัญหาเรื่องวันเวลาสถานที่ และอาจหลงทางกลับบ้านไม่ถูก ลืมชื่อญาติสนิท หวาดระแวง สับสน โดยเฉพาะกลางคืนอาจไม่นอนทั้งคืน จะออกนอกบ้าน และมีพฤติกรรมก้าวร้าว บางคนก็กลับเปลี่ยนไป เป็นไม่สนใจสิ่งแวดล้อม งดงานอดิเรกที่เคยทำ เช่น เก็บกวาดต้นไม้ หรือดูทีวี อ่านหนังสือพิมพ์ ส่วนหนึ่งเพราะดูและอ่านไม่ค่อยเข้าใจ คิดคำนวณไม่ได้ ใช้จ่ายทอนเงินไม่ถูก เมื่อเวลาผ่านไปอีก 2-3 ปี อาการยิ่งทรุดหนัก ความจำเลวลงมาก จำญาติไม่ได้ เคลื่อนไหวช้าลง ไม่ค่อยยอมเดิน หรือเดินก็เหมือนก้าวขาไม่ออก ลังเล ทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง เช่นอาบน้ำ แปรงฟัน รับประทานอาหารไม่ได้ พูดน้อยลง ไม่เป็นประโยค ที่สุดก็ไม่พูดเลย กลั้นปัสสาวะ อุจจาระไม่ได้ ต้องมีคนดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ผู้ป่วยจะเสียชีวิตในเวลา 2-10 ปี โดยเฉลี่ย 10 ปี ด้วยโรคแทรก เช่น ติดเชื้อจากปอดบวม หรือแผลกดทับ สามารถแบ่งระยะของโรคได้ 3 ระยะ ได้แก่ |
แม้ว่าโรคสมองเสื่อม ทางการแพทย์ถือว่าไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่อย่างน้อย ก็มียารักษาทำให้การดำเนินโรคยืดออกไป หรือยืดเวลาที่จะไปถึงจุดที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ออกไป รวมทั้งยาที่รักษาอาการจากโรคสมองเสื่อม เนื่องจากโรคนี้ในระยะแรก มีอาการแค่ขี้หลงขี้ลืม ซึ่งสังคมยอมรับได้ คนสูงอายุก็ย่อมหลงลืมเป็นธรรมดา แต่ในระยะต่อมา ผู้ป่วยจะมีความแปรปรวนทางอารมณ์ ซึ่งเกิดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และเป็นความเดือดร้อนให้กับคนรอบข้าง จึงต้องใช้ยาช่วย นอกจากนี้ ยังมีแนวทางของการเยียวยาในรูปแบบเวชศาสตร์การซ่อมแซมคือ Regenerative Medicine ซึ่งหมายถึงความพยายามที่จะไปสร้างเซลล์สมอง งอกใหม่เข้าไปทดแทนส่วนที่เสียหายไป ที่มีหวังและความเป็นไปได้ และมีงานวิจัยหลายชิ้นเกี่ยวข้องกับการใช้เซลล์ต้นกำเนิด ทั้งที่เป็นการเพาะเลี้ยงเซลล์ประสาท การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด ซึ่งทั้งหมดยังคงอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาวิจัย ยกเว้นในบางประเทศที่อนุญาตให้ทำการรักษากับคน อีกด้านหนึ่ง ไม่ใช่เป็นการรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิด แต่เป็นการเอาสารสกัดจากเซลล์สัตว์ มากระตุ้นให้เซลล์มนุษย์ เกิดการซ่อมแซมตัวเอง ลักษณะของสารพวกนี้ตัวออกฤทธิก็คือ นิวโรเปปไทน์ ซึ่งได้มาจากการสกัดสารในเซลล์ประสาทของสัตว์ ก็มีผลช่วยยับยั้งโรค หรือกระตุ้นให้เซลล์สมองแบ่งตัวเพิ่มขึ้นได้ด้วย
วิธีการป้องกันโรคสมองเสื่อม และเพิ่มความสามารถของเซลล์สมองหลายวิธี อย่างน้อยที่สุดคือเรื่องการเปลี่ยนแปลงอาหาร เลิกกินอาหารขยะ น้ำอัดลม ก็ซึ่งมีความเป็นกรดสูงมาก ทำให้มีผลกระทบทางลบต่อร่างกายเยอะ เราพยายามที่จะหลีกเลี่ยงมันก็จะดี และก็มีสารอาหารบางอย่างที่ช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นใบแป๊ะก๊วยสกัด สารสกัด lecithin และ PPC จากถั่วเหลืองช่วยรักษาเนื้อสมองไว้ เพราะว่าสมองของคนเราจะหดลงเรื่อยๆ อายุมากขึ้นสมองก็ฝ่อลง หรือสมุนไพรบางตัวเช่น หูเปอซิน หรือวิตามินบางอย่าง กรดอะมิโนบางอย่างก็ช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น และจากการวิจัยที่สถาบันเมโยคลินิกที่โรเชสเตอร์ สหรัฐฯ พบว่าคนที่อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ ทำงานฝีมือ ทำงานศิลปะ เล่นเกมส์ที่ต้องใช้สมอง เช่น ปริศนาอักษรไขว้ ต่อศัพท์ ใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนอยู่ตลอดเวลา มีแนวโน้มที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับโรคความจำน้อยลง พออายุมากขึ้นไม่ค่อยสมองเสื่อม แต่ว่าคนที่ชอบดูทีวีมาก มักจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองเสื่อมมากขึ้น เกมส์คอมพิวเตอร์ก็ไม่ได้ช่วย เพราะคนสูงอายุที่ติดเกมส์ จะมีความเสื่อมของสมองเพิ่มขึ้น และรุนแรงขึ้น |
หน้าที่เข้าชม | 512,640 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 423,106 ครั้ง |
เปิดร้าน | 12 ต.ค. 2560 |
ร้านค้าอัพเดท | 11 ก.ย. 2568 |