ผลิตภัณท์ อาหารเสริม
เพื่อดูแลภาวะเก๊าท์
ดีเก๊าท์
D-KOUT
อาหารเสริม
สารสกัดธรรมชาติ
ช่วยอาการเก๊าท์
ช่วยเรื่องกรดยูริค
ช่วยดูแลไต
ช่วยเรื่องปวดตามข้อ
ช่วยเรื่องการปวดบวม
จำหน่ายและจัดส่งทุกวัน
เฉพาะของแท้ ล๊อตใหม่เท่านั้น
ผลลัพท์อาจแตกต่าง ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
ดี-เก๊าท์
D-KOUT
เหมาะกับผู้เป็นโรคเก๊าท์ อย่างไร
>ผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์<
>ผู้ที่มีแนวโน้มความเสี่ยงจากโรคเก๊าท์
เช่นบุคคลที่ชอบทานเนื้อสัตว์ปีก
และ แอลกอฮอร์ เป็นประจำ
รู้ทัน เก๊าท์
"ทานได้อย่างใจอยาก ไม่ทรมานอย่างที่เคย"
โรคเก๊าท์ เกิดจากภาวะที่กรดยูริคในเลือดมีปริมาณสูงเกินไป เกินกว่าที่จะสามารถอยู่ในเลือดในรูปสารละลายได้ จึงมีการตกตะกอนสะสมอยู่ตามที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในที่ที่มีอากาศเย็นกว่าบริเวณอื่น เช่น ตามข้อ ทำให้ข้ออักเสบ หรือ ตามศอก นิ้ว ติ่งหู ตาตุ่ม หลังเท้าทำให้เกิดปุ่มก้อนเกิดขึ้น
สาเหตุและอาการของโรคเก๊าท์
สาเหตุของเก๊าท์ เกิดเนื่องจากร่างกายมีกรดยูริคสูงเกิน เป็นเวลานาน สำหรับผู้ชาย ระดับยูริคจะสูงตั้งแต่ ในช่วงวัยรุ่น แต่ผู้หญิงด้วยฤทธิ์ของฮอร์โมนเพศ จะไม่สูง แต่จะสูงเมื่อถึงวัยหมดประจำเดือนแล้ว
ระดับยูริคที่สูงจะไม่ทำให้เกิดอาการ แต่จะสะสมตกตะกอนไปเรื่อย ๆ จนเริ่มมีอาการทางข้อ
เมื่อกรดยูริคในเลือดสูงไปประมาณ 10-20 ปีแล้ว ยูริคในเลือดที่สูงกว่าร้อยละ 90 เกิดจากร่างกายผลิตเอง ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องให้ผู้ป่วย โรคเก๊าท์งดอาหารใด ๆ ที่มียูริคสูงเลยและการกินอาหารที่มียูริคสูง (ที่คนทั่วไปเข้าใจกันเช่น เครื่องในสัตว์ สัตว์ปีก) ก็ไม่ได้ทำให้ เกิดโรคเก๊าท์แต่อย่างใด
และเนื่องจากโรคเก๊าท์มักเป็นในผู้ป่วยที่มีอายุค่อนข้างมาก ซึ่งมักจะมีโรคอื่นร่วมด้วย
เช่น เบาหวาน ความดันเลือดสูง ซึ่งจำเป็นต้องงดอาหารหวาน อาหารเค็มอยู่แล้ว
การให้ผู้ป่วยเก๊าท์งดอาหารอีก จะทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถกินอาหารอะไรได้เลย
(ยกเว้นไปกินแกลบ กินหญ้า) เป็นการทรมานผู้ป่วยเปล่า ๆ
อาการของเก๊าท์ที่สำคัญ คือ ข้ออักเสบ มักเกิดที่บริเวณนิ้วหัวแม่เท้า, ข้อเท้า เป็นต้น โดยข้อที่อักเสบ จะบวม แดง ร้อน และปวดมาก ชัดเจน (ถ้าข้อที่ปวด ไม่บวม แดง ร้อน หรือมีอาการไม่ชัดเจนให้สงสัยไว้ ก่อนว่าไม่ใช่เก๊าท์) โดยมากมักเป็นข้อเดียวและมีอาการอักเสบอยู่ประมาณ 5-7 วัน อาการจะค่อย ๆ ทุเลาไปได้เอง จนหายสนิท ระหว่างที่ไม่มีอาการ จะไม่มีความผิดปกติใด ๆ ให้เห็น เมื่อข้ออักเสบขึ้นใหม่ จะมีอาการเช่นเดิมอีก อาการจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเป็นมากขึ้น อาการข้ออักเสบจะเป็นมากขึ้นหลายข้อมากขึ้น เป็นนานและรุนแรงขึ้น รวมทั้งเกิดปุ่มก้อนของยูริค สะสมมากขึ้น ผู้ป่วยระยะนี้มักมีไตวายร่วมด้วย
อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์
การควบคุมอาหาร เนื่องจากกรดยูริคจะได้จากการเผาผลาญสารพิวรีน ดังนั้น ในการรักษาโรคเก๊าท์ จึงต้องควบคุมสารพิวรีนในอาหารด้วย อาหารที่มีพวรีน อาจแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ
1. อาหารที่มีสารพิวรีนน้อย
( 0-50 มิลลิกรัมต่ออาหาร 100 กรัม)
- นมและผลิตภัณฑ์จากนม ไข่ ธัญพืช ผัก ผลไม้ น้ำตาล ผลไม้เปลือกแข็ง(ทุกชนิด) ไขมัน
2. อาหารที่มีสารพิวรีนปานกลาง
(50-150 มิลลิกรัมต่ออาหาร 100 กรัม)
- เนื้อหมู เนื้อวัว ปลากระพงแดง ปลาหมึก ปู ถั่วลิสง ใบขี้เหล็ก สะตอ ข้าวโอ๊ต ผักโขม เมล็ดถั่วลันเตา หน่อไม้
3. อาหารที่มีพิวรีนสูง
(150 มิลลิกรัมขึ้นไป) * อาหารที่ควรงด
- หัวใจไก่ ไข่ปลา ตับไก่ มันสมองวัว กึ๋นไก่ หอย เซ่งจี้(หมู) ห่าน ตับหมู น้ำต้มกระดูก ปลาดุก ยีสต์ เนื้อไก่,เป็ด ซุปก้อน กุ้งชีแฮ้ น้ำซุปต่าง ๆ น้ำสกัดเนื้อ ปลาไส้ตัน ถั่วดำ ปลาขนาดเล็ก ถั่วแดง เห็ด ถั่วเขียว กระถิน ถั่วเหลือง ตับอ่อน ชะอม ปลาอินทรีย์ กะปิ ปลาซาดีนกระป๋อง
การกำหนดอาหาร อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์ ควรมีคุณค่าทางโภชนาการเพียงพอ ประกอบด้วยอาหารหลัก 5 หมู่ เพื่อให้ได้ สารอาหารครบถ้วน และงดเว้นอาหารที่มีพิวรีนมากดังกล่าวแล้ว
1. พลังงาน ผู้ป่วยที่อ้วน จำเป็นต้องจำกัดพลังงานในอาหาร เพื่อให้น้ำหนักลดลงทั้งนี้ เนื่องจากความอ้วน ทำให้เกิดอาการโรคเก๊าท์รุนแรงขึ้น แต่ต้องระมัดระวังในระยะที่มีอาการรุนแรง ไม่ควรให้อาหารที่มีพลังงานต่ำเกินไป เพราะอาจทำให้มีการสลายของไขมันในเนื้อเยื่อไขมัน ซึ่งจะทำให้สารยูริคถูกขับออกจากร่างกายได้น้อย และอาการของโรคเก๊าท์รุนแรงขึ้นได้ ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ไม่ควรอดอาหาร และควรได้พลังงานประมาณวันละ 1,200-1,600 แคลอรี่
2. โปรตีน ผู้ป่วยควรได้รับอาหารโปรตีนตามปรกติ ไม่เกิน 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยหลีกเลี่ยงโปรตีนที่มีสารพิวรีนมาก
3. ไขมัน ผู้ป่วยควรได้รับอาหารที่มีไขมันให้น้อยลง โดยจำกัดให้ได้รับประมาณวันละ 60 กรัม เพื่อให้น้ำหนักลดลง การได้รับอาหารที่มีไขมันมากเกินไป จะทำให้มีการสะสมสารไตรกลีเซอไรด์เพิ่มขึ้น ซึ่งการมีสารไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงขึ้น จะทำให้ขับถ่ายสารยูนิคได้ไม่ดี และพบว่า ผู้ป่วยที่อ้วน และมียูริคในเลือดสูง เมื่อลดน้ำหนักลง กรดยูริคในเลือดจะลดลงด้วย
4. คาร์โปไฮเดรท ควรได้รับให้พอเพียงในรูปของข้าว แป้งต่าง ๆ และผลไม้ ส่วนน้ำตาลไม่ควรกินมาก เพราะการกินน้ำตาลมาก ๆ จะทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง ซึ่งจะมีผลต่อการขับถ่ายสารยูริคด้วย
5. แอลกอฮอล์ ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้ามาก ๆ เพราะการเผาผลาญแอลกอฮอล์ จะทำให้มีกรดแลคติคเกิดขึ้น และมีการสะสมแลคเตตเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีผลให้กรดยูริคถูกขับถ่ายได้น้อยลง
การจัดอาหารให้ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ที่แพทย์ให้จำกัดสารพิวรีนอย่างเข้มงวด ผู้จัดต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ ทั้งในด้านโภชนาการ และรสชาติ ลักษณะอาหาร เพื่อที่จะให้ผู้ป่วยกินอาหารได้ตามที่กำหนด และได้รับสารอาหารเพียงพอ
1. ในระยะที่มีอาการรุนแรง ควรงดเว้นอาหารที่มีพิวรีนมาก ในระหว่างมื้ออาหารให้ผู้ป่วยดื่มน้ำให้มาก ๆ จะช่วยขับกรดยูริค ช่วยรักษาสุขภาพของไตและป้องกันมิให้เกิดก้อนนิ่ว พวกยูเรตขึ้นได้ที่ไต
2. งดเว้นอาหารที่ให้พลังงานมาก ได้แก่ ขนมหวานต่าง ๆ อาหารที่มีไขมันมาก เช่น อาหารทอด และขนมหวาน ที่มีน้ำตาล และไขมันมาก
3. จัดอาหารที่มีใยอาหารมาก แก่ผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้น้ำหนักลดลง
4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การดื่มเหล้ามีส่วนช่วยให้อาการของโรคเก๊าท์รุนแรงขึ้น
5. อาหารที่มีไขมันมาก จะทำให้ขับกรดยูริคน้อยลง ทำให้มีการคั่งของกรดยูริคในเลือดมากขึ้น
ที่มา เว็บไซต์โรงพยาบาลวิภาวดี โดย นพ.สุเมธ เถาหมอ
การรักษาเก๊าท์ แบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่
1. การรักษาข้ออักเสบ ในช่วงนี้แพทย์จะใช้ยาลดการอักเสบของข้อก่อน โดยใช้ยา โคลชิซิน หรือยาแก้ปวดลดอักเสบ หรือใช้ร่วมกัน เพื่อลดอาการปวดข้อและอักเสบ ยาโคลชิซินโดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ ไม่เกินวันละ 3-4 เม็ด โดยกินยาทุก 4 ชั่วโมง จนกว่าจะหายปวด
การใช้ยาตามคำแนะนำของต่างประเทศที่ว่าให้กินทุก 1 ชั่วโมงจนหายปวดหรือจนเกิดผลข้างเคียงคือท้องเสียนั้น ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะข้อไม่เคยหายอักเสบก่อนท้องเสียเลย ดังนั้นผู้ป่วยจะท้องเสียทุกรายและมีความรู้สึก ที่ไม่ดีต่อการใช้ยานี้ การกินยาไม่เกิน 3-4 เม็ดต่อวัน โอกาสเกิดผลข้างเคียงนี้ น้อยมาก ผู้ป่วยเก๊าท์ในระยะข้ออักเสบ ห้ามนวด! เด็ดขาด เพราะจะทำให้ข้ออักเสบเป็นรุนแรงขึ้นหายช้าลงได้
2. การลดกรดยูริคในเลือด โดยใช้ยาลดกรดยูริค ในผู้ป่วยที่มีข้ออักเสบมากกว่า 1 ครั้ง ควรให้ยาลดกรดยูริคถ้าทำได้ การกินยาดังกล่าวจำเป็นต้องกินยาต่อเนื่องสม่ำเสมอไปนานหลายปี ทั้งนี้เพื่อลดระดับยูริคในเลือดลง ทำให้ตะกอนยูริคที่สะสมอยู่ละลายออกจนหมดผู้ป่วยจะสามารถหายจากโรคเก๊าท์ได้ แต่ข้อควรระวังคือ
- ยาลดกรดยูริค มีผลข้างเคียงที่แม้จะพบไม่มากแต่สำคัญ คือทำให้เกิดผื่นแพ้ยารุนแรง และลอก เป็นอันตรายมาก
การกินยาไม่สม่ำเสมอ กิน ๆ หยุด ๆ เสี่ยงต่อการแพ้ยามาก ดังนั้นผู้ป่วยที่ไม่สามารถจะกินยาสม่ำเสมอได้ ไม่แนะนำให้กินยา
- เนื่องจากผู้ป่วยที่เป็นเก๊าท์ ให้การวินิจฉัยโดยลักษณะอาการทางคลินิค ไม่ได้อาศัยการเจาะตรวจยูริคในเลือดดังนั้นผู้ที่เจาะเลือดแล้วมียูริคสูง ไม่ได้บอกว่าเป็นเก๊าท์ ถ้าไม่มีอาการข้ออักเสบแบบเก๊าท์มาก่อน ไม่จำเป็นต้องรักษา มีผู้เข้าใจผิดอยู่มาก โดยให้กินยาลดกรดยูริคเมื่อตรวจพบเพียงแต่ยูริคในเลือดสูง เพราะยูริคในเลือดสูง ไม่ได้เป็นเก๊าท์ทุกราย แต่การกินยาจะเสี่ยงต่อการแพ้ยาข้างต้นได้
ยินดีให้คำปรึกษา แด่ทุกท่านค่ะ
สนใจติดต่อ
065-232-9888
Gout หรือโรคเก๊าท์ ไม่ใช่โรคที่เป็นตั้งแต่กำเนิด แต่เกิดจากร่างกายเสื่อมสภาพลงจนเสียสมดุลไปเท่านั้น ดังนั้นการแก้ปัญหาโรคเก๊าท์ที่แท้จริงจึงไม่ใช่แค่การฉีดหรือทานยาระงับปวดเท่านั้น แต่เป็นการบำรุงซ่อมแซมให้ร่างกายเรากลับมาทำงานได้สมบูรณ์และขับกรดยูริกได้เป็นปกติอีกครั้งเหมือนวัยเยาว์
*ดูแล ด้วยธรรมชาติ*
ช่วยสมดุล ให้ดีขึ้นได้
ช่วยอาการเก๊าท์
ช่วยเรื่องกรดยูริค
ช่วยดูแลไต
ช่วยเรื่องปวดตามข้อ
"ทานได้อย่างที่ใจอยาก ไม่ทรมานอย่างที่เคย"
ดี-เก๊าท์ D-KOUT
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับโรคเก๊าท์
ดี-เก๊าท์ D-KOUT
อาหารเสริมสกัดจากสารสกัดธรรมชาติ
สรรพคุณเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าอย่างแท้จริง
เพราะอุดมไปด้วย Rehmannia Root หรือเส็กตี่
ยาสมุนไพรจีนโบราณที่มีใช้กันอย่างกว้างขวาง
ช่วยในการลดกรดยูริก
ขับกรดยูริกออกจากร่างกายมาพร้อมกับปัสสาวะ
บรรเทาโรคเก๊าท์ ลดอาการอักเสบบวม
กำจัดผลึกกรดยูริกที่เกาะอยู่ตามเนื้อเยื่อข้อ อย่างมีประสิทธิภาพสูง
ผสมผสานกับ Dandelion และ Ganodermalucidum เห็ดหลินจือ
ที่ช่วยบำรุงระบบการทำงานของไต
เพราะไตเป็นอวัยวะหลักที่มีส่วนช่วยในการรักษาโรคเก๊าท์สูง
และกว่า 70% ของผู้ป่วยโรคเก๊าท์
เกิดจากสภาวะไตเริ่มเสื่อมสภาพหรือการทำงานของไตพกพร่อง
ซึ่งพุทราจีนและเห็ดหลินจือมีคุณสมบัติลดการอักเสบของไต
ฟื้นฟูไตให้สมบูรณ์ ปรับระบบการขับกรดยูริกทางไตสมบูรณ์ขึ้น
ปริมาณกรดยูริกในร่างกายจึงอยู่สภาวะปกติ
ซึ่งจำเป็นต่อผู้ป่วยโรคเก๊าท์อย่างมาก
และยังมีคุณสมบัติของ Wolfberry Fruit เก๋ากี๊
สมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารฟลาโวนอยด์ ฟอลิฟินอล แคโรทีนและไพราโซล
ช่วยลดการปวด อักเสบ และบวมในผู้ป่วยโรคเก๊าท์
เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อกระดูก
ขจัดพิษออกจากร่างกายโดยเฉพาะในไตและตับ
ดี-เก๊าท์
D-KOUT
เหมาะกับผู้เป็นโรคเก๊าท์ อย่างไร
>ผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์<
>ผู้ที่มีแนวโน้มความเสี่ยงจากโรคเก๊าท์
เช่นบุคคลที่ชอบทานเนื้อสัตว์ปีก
และ แอลกอฮอร์ เป็นประจำ
*สมดุลปริมาณกรดยูริก ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเก๊าท์
*ช่วยส่งเสริม ผู้ป่วยโรคเก๊าท์
*ช่วยส่งเสริมไต ให้มีสุขภาพแข็งแรง
*ช่วยปรับสมดุล ระดับยูริกในร่างกาย
*ช่วยเรื่องระดับ คอเลสเตอรอล นำตาล ไขมัน ในกระแสเลือด
*ช่วยเรื่องระดับความดัน
*ส่งเสริมระบบไหลเวียนโลหิต
*ส่งเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย
สารสกัดจากโกจิเบอร์รี่ |
160 มก. |
สารสกัดจากถั่งเช่า |
100 มก. |
สารสกัดจากเห็ดหลินจือ |
60 มก. |
สารสกัดจากรากแดนดิไลออน |
60 มก. |
สารสกัดจากขมิ้นชัน |
60 มก. |
สารสกัดจากกระชายดำ |
20 มก. |
กรดโฟลิค (Folic Acid) | 0.20 มก. |
สารสกัดจากโกจิเบอร์รี่ (Goji Berry Extract)
Gojo Berry หรือ Wolfberry Fruit หรือ เก๋ากี๊ เป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารฟลาโวนอยด์ ฟอลิฟินอล แคโรทีนและไพราโซล ซึ่งสารเหล่านี้จะช่วยเสริมระบบคุ้มกันและฟื้นฟูตัวเองของร่างกาย ช่วยลดการปวด อักเสบ และบวมในผู้ป่วยโรคเก๊าท์ เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อกระดูก ขจัดพิษออกจากร่างกายโดยเฉพาะในไตและตับ
wolfberry fruit มีสาร soluble glycoconjugates that were identified as “arabinogalactan-proteins” (AGPs) ซึ่งช่วยในการทำให้ ไต ทำงานได้ดีขึ้นในการขับของเสีย มีฤทธิ์ในทางแพทย์แผนจีน เป็น yin มีการใช้มายาวนาน ในการลดอักเสบลดปวดของโรคข้อ ต่างๆ นอกจากนี้ยังช่วยในการปรับสมดุลภูมิคุ้มกันได้ด้วย
Reference Chapter 14Biomolecular and Clinical Aspects of Chinese Wolfberry (Peter Bucheli, Qiutao Gao, Robert Redgwell, Karine Vidal, Junkuan Wang, and Weiguo Zhang.)
สารสกัดจากถั่งเช่า (Cordyceps Blueberry Extract)
Rehmannia Root เส็กตี่หรือ Chinese foxglove เป็นยาสมุนไพรจีนโบราณที่มีใช้กันอย่างกว้างขวาง ช่วยบำรุงไตให้ชุ่มชื่น มีประโยชน์ต่อผู้ที่มีพลังไตอ่อนแอ ทำให้ระบบปัสสาวะเป็นปกติ ช่วยสลายผลึกของกรดยูริกที่เกาะอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายและขับออกมาทางปัสสาวะ ทำให้ปริมาณกรดยูริกและอาการอักเสบ ปุ่มบวมจากโรคเก๊าท์ลดลงได้ และลดการปวดตามข้ออีกด้วย Rehmannia Root สารสำคัญคือ main active ingredient is catalpol, an iridoid glycoside นอกจากนี้มี phenolic สูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ดี จึงลดการอักเสบได้อย่างดี ในทางการแพทย์แผนจีน อธิบายการเกิดโรค gout เกิดจากความไม่สมดุลของร่างกาย ในการขับออก ดังนั้น การ มีฤทธิ์ เป็น yin จะช่วยปรับสมดุล เพิ่มการขับออก ทำให้ไต แข็งแรงขับ ยูริคออกได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยช่วยในการบำรุงเลือด ลดความดันในเลือด ลดระดับน้ำตาลในเลือด บำรุงไขกระดูกให้แข็งแรง
Reference The Chinese Medical Treatment of Gout (By Simon A. Becker, Dipl. Ac & CH (NCCAOM)
สารสกัดจากเห็ดหลินจือ (Reishi Extract)
Ganodermalucidum extract เห็ดหลินจือ เป็นหนึ่งใน สมุนไพรเก๊าท์ ที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก โดยช่วยฟื้นฟูการทำงานของไต ลดการอักเสบของไต สร้างสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบหมุนเวียนโลหิต ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย บรรเทาอาการปวดเมื่อย ปวดข้อ ช่วยบรรเทาอาการปวดโรคเก๊าท์ และ โรครูมาติกและยังมีสารสำคัญหลายชนิดเป็นสาร Anti-oxidant ที่ช่วยชะลอความแก่ ลดการเสื่อมสลายของเซลล์
สารสกัดจากรากแดนดิไลอ้อน (Dandelion Root Extract)
Dandelion Root ราก Dandelion Root มีสารอาหารทาแร็กซาซิน (Taraxacin) มีคุณสมบัติในการชะล้างสารพิษ (Detoxification) ช่วยให้ตับและไต สามารถขับสารพิษออกนอกร่างกายได้ดียิ่งขึ้นและช่วยบำรุงตับ ช่วยรักษาสมดุล electrolytes ในเลือด รักษาระดับกรดยูริคและระดับคอเลสเตอรอล ช่วยขับกรดยูริกออกจากร่างกายมาพร้อมกับปัสสาวะ ทำให้ระบบปัสสาวะเป็นปกติ รักษาโรคเก๊าท์ ลดอาการอักเสบบวม ยังช่วยลดอาการบวมน้ำ ช่วยการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น
Reference The role of Western herbal medicine in the treatment of gout (Nadia Corp, Barbara Pendry)
สารสกัดจากขมิ้นชัน (Turmeric Extract)
Turmeric extract ขมิ้นชัน มีสารเคอร์คูมิน (curcumin) ชะลอการสร้างพรอส-ตาแกลนดิน (prostaglandin) ซึ่งเกี่ยวข้องกับอาการปวด เป็นกลไกคล้ายกันกับกลไกระงับปวดของแอสไพรินและไอบูโพรเฟน ที่ปริมาณสูงๆ เคอร์คูมินกระตุ้นต่อมหมวกไตให้หลั่งสารคอร์ติโซนเพื่อระงับการอักเสบและความปวดจากการอักเสบ จึงช่วยลดอาการปวดข้อ ซึ่งเป็นอาการของคนเป็นโรคเก๊าท์
สารสกัดจากกระชายดำ (Black Galingale Extract)
Krachaidum extract สารสกัดสำคัญหลายชนิด เช่น 5,7 – DMF มีฤทธิ์ต้านการอักเสบเทียบได้กับยามาตรฐานหลายชนิด คือ แอสไพริน, อินโดเมธาซิน, ไฮโครคอร์ติโซน และเพรดนิโซโลน โดยออกฤทธิ์ต้านการอักเสบแบบเฉียบพลันได้ดีกว่าแบบเรื้อรัง ในสัตว์ทดลอง สรรพคุณกระชายดำ ช่วยขับปัสสาวะ รักษาสมดุลของกรดยูริกในร่างกาย ช่วยรักษาโรคเก๊าท์ เป็น ยาอายุวัฒนะ ชะลอความแก่ ลดการเสื่อมสลายของเซล และช่วยรักษาโรคปวดข้อ, โรครูมาสติกได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยสร้างความสมดุลของความดันโลหิตให้ไหลเวียนดีขึ้น ขยายหลอดเลือด ขจัดไขมันในหลอดเลือด
ยินดีให้คำปรึกษา แด่ทุกท่านค่ะ
สนใจติดต่อ
065-232-9888
ยินดีให้คำปรึกษา แด่ทุกท่านค่ะ
สนใจติดต่อ
065-232-9888
หน้าที่เข้าชม | 512,640 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 423,106 ครั้ง |
เปิดร้าน | 12 ต.ค. 2560 |
ร้านค้าอัพเดท | 11 ก.ย. 2568 |